ประวัติ ดิโอโก้ โชต้า ชื่อเต็ม ดิโอโก้ โฆเซ่ เตเซร่า ดา ซิลวา
ประวัติ ดิโอโก้ โชต้า ว่าที่ไพ่ตายใบใหม่ของลิเวอร์พูล นักฟุตบอลชาวโปรตุเกส ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าให้กับลิเวอร์พูลและทีมชาติโปรตุเกส สวมเสื้อหมายเลข 20
ชื่อ : โอโก้ โฆเซ่ เตเซร่า ดา ซิลวา ( Diogo José Teixeira da Silva )
วันเกิด : เกิดวันที่ 4 ธันวาคม 1996
ความสูง : 1.78 เมตร หรือ 5 ฟุต 10 นิ้ว
สโมสรต้นสังกัด : ลิเวอร์พูล
สัญชาติ : โปรตุเกส
จุดเริ่มต้น ดิโอโก้ โชต้า
ดิโอโก้ โชต้า หรือ Diogo Jota เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 1996 เขาเกิดและเติบโตขึ้นมาในเมือง ปอร์โต้ ประเทศโปรตุเกส ในครอบครัวที่มีฐานะปานกลาง จึงได้รับการสนับสนุนจากพ่อและแม่ให้เล่นฟุตบอล
จนกระทั่ง โชต้า มีอายุครบ 9 ขวบ เขาเข้าสู่เส้นทางสายลูกหนังเป็นครั้งแรกกับทีมท้องถิ่น ในอคาเดมี่ของสโมสร กอนโดมาร์ เป็นทีมขนาดเล็ก ที่อยู่ใกล้ๆ กับสโมสร เอฟซี ปอร์โต้ และด้วยความที่เขามีทักษะยอดเยี่ยม
นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาฉายแววความเก่งกาจเกินกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน นั่นจึงทำให้โชต้า เริ่มผลักดันให้ก้าวขึ้นไปเล่นอยู่ในชุดที่สูงกว่าอายุจริงอยู่เสมอ จนกระทั่ง มีอายุครบ 13 ปี เขายกระดับตัวเองขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นด้วยการย้ายไปเล่นให้กับทีม ปากอส เดอ เฟอร์ไรร่า
ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสโมสรที่อยู่ในเมือง ปอร์โต้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นทีมคอยบ่มเพาะเหล่าแข้งดาวรุ่งให้พัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างดี จนทีมงานสต๊าฟโค้ชภายในทีมเริ่มเห็นแววความเก่งกาจในตัวของเขาและได้ผลักดันให้ ดิโอโก้ โชต้า ได้ก้าวขึ้นมาเล่นอยู่เป็นทีมชุดใหญ่ของสโมสร ในฤดูกาล 2014-2015 โดยในขณะนั้นตัวของเขายังมีอายุเพียง 18 ปีเท่านั้น
ดิโอโก้ โชต้า ฤดูกาล 2014-2016
โชต้า เขากลายเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก ในฤดูกาลแรกบนทีมชุดใหญ่เขาก็สามารถสร้างสถิติใหม่ให้กับตัวเองเป็นประวัติศาสตร์ของ ลีกฟุตบอล โปรตุเกส ว่าเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดของลีกที่สามารถยิงประตูได้ถึง 2 ลูกในเกมเดียว
และทำลายสถิติเก่าของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เคยทำไว้ได้เมื่อตอนยังเป็นดาวรุ่ง และต่อมาในฤดูกาล 2015-2016 เขายังได้สร้างสถิติใหม่ขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยการที่เขาสามารถทำประตูไปได้ถึง 14 ลูก แอสซิสต์ 10 ครั้ง จากการลงแข่งขันในทุกรายการ
จากฟอร์มที่ร้อนแรงของ โชต้า ส่งผลให้มีหลายสโมสรยักษ์ใหญ่ในประเทศโปรตุเกสสนใจที่อยากจะคว้าตัวเขาเข้ามาร่วมทีม แต่ด้วยความที่ในเวลานั้น โชต้า ถือได้ว่าเป็นดาวรุ่งที่เนื้อหอมเป็นอย่างมาก และเป็นเวลาที่ ทัพตราหมี แอตเลติโก้ มาดริด ได้ติดต่อเข้ามา เขาจึงตัดสินใจที่จะออกเดินทางไปพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในศึก ลาลีกา สเปน ทันที
ดิโอโก้ โชต้า ฤดูกาล 2016-2017
ในฤดูกาล 2016-2017 ดิโอโก้ โชต้า ตัดสินใจที่จะย้ายสโมสรไปอยู่กับ แอตเลติโก้ มาดริด เพราะต้องการที่จะหาความท้าทายใหม่ๆ และเล่นฟุตบอลกระทบไหล่กับเหล่าซูเปอร์สตาร์ชื่อดังหลายๆ คน
แต่ทว่าด้วยความที่เขายังเป็นเพียงแค่ดาวรุ่งและยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์การเล่นฟุตบอลของ แอตฯ มาดริด ได้ นั่นจึงทำให้เขาไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ ผู้จัดการทีมคนเก่งของ ทัพตราหมี
จนกระทั่งในเดือน สิงหาคม 2016 สโมสร เอฟซี ปอร์โต้ ทีมยักษ์ใหญ่ในลีกบ้านเกิดของเขา ก็ได้ตัดสินใจที่จะยื่นข้อเสนอขอยืมตัวเขามาใช้งาน เพื่อให้ โชต้า ได้มีโอกาสในการลงสนามและพัฒนาฝีเท้าได้มากกว่าที่ควร
เอฟซี ปอร์โต้ ได้ยื่นเรื่องขอยืมตัว ดิโอโก้ โชต้า เข้ามาใช้งาน การย้ายกลับมาสู่ลีกบ้านเกิดอีกครั้งของ ดิโอโก้ โชต้า ในครั้งนี้เปรียบเสมือนว่าเขาได้ชุบชีวิตและเกิดใหม่อีกครั้ง เนื่องจาก ปอร์โต้ ยืมตัวเขามาและใช้งานเขาอย่างจริงจัง และทำให้เขาสามารถสร้างสถิติใหม่ให้กับตัวเองได้อย่างมากมาย
จนสื่อหลายสำนักในแดนฝอยทองต่างพากันแซวและหยอกล้อเขาว่า เป็นนักเตะที่เกิดมาเพื่อสร้างสถิติ โดย โชต้า ได้จารึกชื่อของตัวเองเอาไว้ว่าเป็นนักเตะโปรตุเกสที่มีอายุน้อยที่สุดของสโมสร เอฟซี ปอร์โต้ ที่สามารถทำประตูในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ได้
โชต้า กลายเป็นแข้งตัวหลักและเป็นที่รักของบรรดาแฟนบอลขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพราะด้วยสถิติและผลงานต่างๆ ที่เขาได้สร้างเอาไว้กับสโมสรแห่งนี้ มันจึงทำให้มีแฟนบอลจำนวนมากที่ต้องการให้เขาอยู่รับใช้สโมสรแห่งนี้ด้วยสัญญาถาวรไปเสียเลย
จนกระทั่งการเปลี่ยนแปรงครั้งใหญ่ของชีวิตการค่าแข้งของเขาได้เดินทางมาถึงหลังจากที่เขามีชื่อเสียง เมื่อ จอร์จ เมนเดส ยอดเอเย่นต์ชื่อดังได้เสนอตัวเข้ามาดูแลจัดการผลประโยชน์ในเรื่องฟุตบอลให้กับ โชต้า โดย เมนเดส ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ในการเริ่มงาน ดิโอโก้ โชต้า ก็ได้ตัดสินใจที่จะย้ายไปเล่นให้กับสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน ในสัญญายืมตัว
ดิโอโก้ โชต้า ฤดูกาล 2017-2020
จากการเข้ามาดูแลและจัดการ ผลประโยชน์ทางด้านฟุตบอลของ จอร์จ เมนเดส ส่งผลให้ ดิโอโก้ โชต้า มีโอกาสที่จะย้ายเข้ามาค้าแข้งในประเทศอังกฤษ โดยเขาได้ย้ายมาค้าแข้งกับทางสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ในเวลานั้นกำลังเล่นอยู่ในศึก แชมเปี้ยนชิพ จึงมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากแฟนบอลและสื่อในประเทศโปตุเกสออกมาแสดงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก เพราะกลัวว่าเพชรเม็ดงามของประเทศอาจจะหมดอนาคตกับทีมเล็กๆ ได้
แต่อย่างไรก็ตาม ดิโอโก้ โชต้า การย้ายมาเล่นให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ในครั้งนี้ถือเป็นบทพิสูจน์ตัวเองแถมยังได้เปิดโลกกว้างกับความท้าทายใหม่ๆ อีกครั้ง และอีกหนึ่งประเด็ดหลักที่ทำให้เขาได้ตัดสินใจย้ายมาเล่นให้กับ ทัพหมาป่า
นั้นก็เป็นเพราะว่ามี นูโน เอสปิริโต ซานโต ผู้จัดการทีมคนบ้านเดียวกัน ทำหน้าที่อยู่ รวมไปถึงภายในทีมก็ยังมีผู้เล่นชาวโปรตุกีสอยู่อย่างมากมาย เรียกได้ว่าถึงแม้จะย้ายมาค้าแข้งอยู่ในประเทศอังกฤษ แต่สภาพแวดล้อมภายในทีมนั้นก็ไม่ได้มีความแตกต่างกับที่ โปรตุเกส แต่อย่างใด เพราะมีแต่เพื่อนร่วมชาติอยู่เต็มไปหมด นั่นจึงทำให้เขาสามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์ฟุตบอลของเมืองผู้ดีได้อย่างรวดเร็ว
จากการที่เขาสามารถปรับตัวเข้ากับระบบของทีมและสไตล์การเล่นของบอลอังกฤษ ทำให้ ดิโอโก้ โชต้า กลายเป็นกำลังสำคัญของทางสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จนสามารถพาทีมก้าวขึ้นไปจบที่อันดับหนึ่งของตาราง และคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาล 2017-2018 ได้ในที่สุด ในเลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ และจากผลงานอันยอดเยี่ยมของเขาที่สามารถทำไปได้ถึง 17 ประตูนั้นเอง
จึงทำให้สโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน ตัดสินใจที่จะซื้อขาดเขาทันที จากผลงานอันยอดเยี่ยมที่ โชต้า ได้แสดงออกมาในซีซั่น 2017-2018 ที่ทำไปได้ถึง 17 ประตูในการลงเล่นทุกรายการ ทำให้บอร์ดบริหารของสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน ตัดสินใจที่จะซื้อขาดมาจาก แอตเลติโก้ มาดริด ทันที ด้วยค่าตัวประมาณ 14 ล้านยูโร
โชต้า ยังคงโชว์ผลงานอันร้อนแรงออกมาได้อย่างต่อเนื่อง โดยเขาสามารถพาทีมขึ้นมาจบอยู่ในอับดับที่ 7 ของตารางการแข่งขัน พรีเมียร์ลีก ได้ถึง 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และยังสามารถพา ทัพหมาป่า ทะลุเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศของถ้วย เอฟเอคัพ ในซีซั่นแรกที่ วูล์ฟแฮมป์ตัน ได้ก้าวขึ้นมาเล่นอยู่บนลีกสูงสุด
หลังจากที่เขาได้เลื่อนชั้นขึ้นมากับสโมสร วูล์ฟแฮมป์ตัน โชต้า สามารถทำไปได้ถึง 44 ประตู ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นผลงานที่ดูดีเป็นอย่างมาก กับการค้าแข้งอยู่กับสโมสรในระดับกลางของศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก
จากผลงานและฟอร์มการเล่นที่ดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก จึงทำให้หลายๆ สโมสรยักษ์ใหญ่ในทวีปยุโรปเริ่มหันมาให้ความสนใจในตัวแข่งรายนี้อีกครั้ง และจากการคว้า แชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ในฤดูกาล 2019-2020 ของสโมสร ลิเวอร์พูล นั่นเอง จึงทำให้ เจอร์เกน คล็อปป์ เลือกที่จะมองหาดาวยิงคนใหม่เข้ามาเสริมแกร่งให้กับทางสโมสร และนั่นจึงทำให้โอกาสมาถึง ดิโอโก้ โชต้า
ดิโอโก้ โชต้า ฤดูกาล 2020-2022
ลิเวอร์พูล ได้ตัดสินใจที่จะคว้า โชต้า เข้ามาร่วมทีม จ่ายค่าตัวไปประมาณ 41 ล้านปอนด์ และมอบเสื้อหมายเลข 20 ให้กับเขาทันที โชต้า ทำประตูแรกในสีเสื้อของลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เปิดสนามแอนฟีลด์เอาชนะ อาร์เซนอล 3-1 และ ทำแฮตทริกครั้งแรกของเขาให้กับ ลิเวอร์พูล ในนัดที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ อาตาลันตา 5-0
โดย โชต้า ปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมทีมและสไตล์การเล่นของ คล็อปป์ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนี้เขายังถือเป็นแข้งคนสำคัญอีกหนึ่งคนของสโมสร ที่มักจะถูกเปลี่ยนตัวลงไปและสร้างความแตกต่างให้กับทีมได้อย่างเห็นได้ชัด แถมยังสามารถช่วยทำประตูสำคัญให้กับทีมปัจจุบันกับลิเวอร์พูลลงเล่นในลีค 48 เกม ทำได้ 24 ประตู
ดิโอโก้ โชต้า ผลงานกับทีมชาติโปรตุเกส
โชต้า ติดทีมชาติชุดใหญ่ปี 2019 ลงไป 24 นัด ทำได้ 9 ประตูและคาดว่าจะมาแทนที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในตำแหน่งกองหน้าที่อาจจะเลิกเล่นทีมชาติหลังจากจบบอลโลก 2022
ติดตามข่าวสารลิเวอร์พูลได้ที่ :: ข่าวหงส์แดง
Facebook fanpage :: Liverpoolarea